ควรทำเว็บไซต์ขนาดกี่หน้า แต่ละแบบต่างกันยังไง?
Jerome Tana
27 ตุลาคม 2568

Table of Contents
ในการทำเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ สิ่งแรกที่คนมักสงสัยคือควรทำเว็บไซต์กี่หน้า เพราะเห็นบางรายมีหน้าเดียว บางรายมีหลายหน้า จนดูซับซ้อน ผมอยากชวนคุณมองให้เข้าใจง่ายก่อนว่า จำนวนหน้าจริงๆ แล้วเป็นเรื่องของ “เป้าหมายทางธุรกิจ” และ “ปริมาณเนื้อหา” ที่ต้องสื่อสารกับลูกค้า เมื่อเราเข้าใจสองอย่างนี้ ความต่างระหว่างเว็บไซต์ 1 หน้า, 5 หน้า และ 15 หน้า จะชัดเจนขึ้น และคุณจะตัดสินใจได้อย่างมั่นใจครับ
เริ่มจากภาพรวมของโครงสร้างเว็บไซต์
เว็บไซต์เปรียบเหมือนโชว์รูมของธุรกิจ เราจะจัดห้องอย่างไรให้คนเดินเข้ามาแล้วเข้าใจว่าเราขายอะไร น่าเชื่อถือแค่ไหน และจะตัดสินใจติดต่อหรือซื้ออย่างไร สำหรับเว็บไซต์ 1 หน้า ทุกอย่างถูกรวมไว้ในห้องเดียว เนื้อหาเลื่อนอ่านยาวต่อเนื่องตั้งแต่แนะนำธุรกิจ ข้อดี ผลงาน ไปจนถึงปุ่มติดต่อ
สำหรับเว็บไซต์ 5 หน้า เราแยกห้องหลักๆ ออกมาให้ชัด เช่น หน้าแรก แนะนำบริษัท บริการหรือสินค้า ผลงาน และติดต่อ
ส่วนเว็บไซต์ 15 หน้า จะลงรายละเอียดลึกอีกขั้น แต่ละบริการแยกหน้าเอง มีคำถามพบบ่อย บทความ ความรู้ หน้ารีวิวลูกค้า หน้าพื้นที่ให้บริการ หรือภาษาเพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าและ Google เข้าใจธุรกิจได้ครบถ้วนยิ่งขึ้นครับ
เว็บไซต์ 1 หน้า เหมาะกับตอนไหน
เว็บไซต์ 1 หน้า หรือที่หลายคนเรียกว่า Landing Page โดดเด่นที่ความกระชับ รวดเร็ว และชัดเจน ผมมักแนะนำในกรณีที่คุณมีข้อเสนอเดียวชัดเจน เช่น โปรโมชันแคมเปญเดียว งานอีเวนต์ รายการสินค้าตัวท็อปเพียงไม่กี่ชิ้น หรือธุรกิจเพิ่งเริ่มและยังไม่มีเนื้อหามาก
จุดแข็งคือผู้ชมไม่สับสน เดินเรื่องได้ต่อเนื่องจนถึงปุ่มติดต่อหรือสั่งซื้อ เหมาะมากเมื่อคุณยิงโฆษณาแล้วต้องการให้คนตัดสินใจทันที อีกทั้งใช้งบและเวลาทำน้อยกว่ารูปแบบอื่นครับ
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดคือการทำ SEO เชิงกว้างจะยากกว่า เพราะมีเพียงหน้าเดียวให้ Google เอาไปจัดอันดับ หากพยายามใส่ทุกอย่างจนยาวมาก เว็บไซต์อาจโหลดช้า โดยเฉพาะบนมือถือ และการวัดผลเชิงลึกจะทำได้จำกัด เช่น อยากรู้ว่าคนสนใจบริการประเภทไหนมากกว่ากันก็จะวัดแยกได้ยากครับ
เว็บไซต์ 5 หน้า คือมาตรฐานที่สมดุล
ถ้ามีบริการหลายอย่าง หรืออยากเพิ่มความน่าเชื่อถือ เว็บไซต์ 5 หน้าเป็นจุดเริ่มที่ดีมาก โดยทั่วไปจะมีหน้าแรกสำหรับภาพรวมธุรกิจ หน้าบริษัทช่วยเล่าทีมและความเป็นมาสร้างความไว้วางใจ หน้าบริการหรือสินค้าอธิบายแต่ละอย่างให้ชัด หน้าผลงานหรือรีวิวเพื่อยืนยันคุณภาพ และหน้าติดต่อที่มีฟอร์ม แผนที่ และช่องทางสื่อสาร
จุดเด่นคือผู้ชมค้นหาข้อมูลได้ตรงใจมากขึ้น การทำ SEO ก็เริ่มเห็นผล เพราะเรามีหลายหัวข้อให้จัดอันดับ และแต่ละหน้าสามารถตอบโจทย์คำค้นที่ต่างกันได้ดีขึ้น
ในด้านการตลาด คุณสามารถยิงโฆษณาแยกเข้าหน้าแต่ละบริการเพื่อเพิ่มความตรงกลุ่ม และในเชิงวัดผลก็จะเห็นว่าหน้าไหนพาคนติดต่อมากที่สุด ทำให้ปรับปรุงได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้นครับ
เว็บไซต์ 15 หน้า สำหรับการเติบโตและแข่งขันระยะยาว
เมื่อธุรกิจต้องการโตผ่านการค้นหาจาก organic traffic และต้องอธิบายรายละเอียดหลากหลาย เว็บไซต์ 15 หน้าเป็นระดับที่ให้ผลลัพธ์ยั่งยืนกว่า เพราะคุณสามารถแตกหน้าเชิงลึกได้ เช่น แยกแต่ละบริการเป็นหน้าของตัวเอง เพิ่มคำถามพบบ่อยเพื่อคลายข้อกังวล ทำหน้าพื้นที่บริการหรือตำแหน่งสาขาเพื่อจับคำค้นในท้องถิ่น สร้างหมวดบทความให้ความรู้เพื่อดึงคนที่เริ่มค้นหาข้อมูลเบื้องต้น และรวมรีวิวกรณีศึกษาอย่างเป็นระบบ
ข้อดีคือ Google จะเข้าใจโครงสร้างและความเชี่ยวชาญของคุณมากขึ้น ทำให้มีโอกาสติดอันดับในคำค้นย่อยจำนวนมาก การนำทางของผู้ใช้ก็สบาย เพราะแต่ละเรื่องถูกแยกอย่างมีระเบียบ ไม่ต้องเลื่อนยาวจนหลงทาง และในเชิงธุรกิจ คุณจะสร้างเส้นทางการตัดสินใจหลายระดับ ตั้งแต่คนที่ยังไม่พร้อมซื้อ ไปจนถึงคนที่พร้อมติดต่อทันทีครับ
สิ่งที่ต้องเตรียมคือเวลาและทรัพยากรด้านเนื้อหา ตั้งแต่ข้อความ รูปภาพ ไปจนถึงการอัปเดตต่อเนื่อง เพราะเว็บไซต์ที่มีหลายหน้าจะได้ผลดีที่สุดเมื่อมีวินัยในการดูแลครับ
ต้นทุน เวลา และการดูแลรักษา
โดยภาพรวม เว็บไซต์ 1 หน้าใช้งบน้อยและทำได้เร็ว เหมาะเมื่อคุณต้องการออนไลน์ให้ไว มีข้อเสนอเดียวชัดเจน เว็บไซต์ 5 หน้าใช้งบและเวลาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่แลกกับภาพลักษณ์ที่มืออาชีพขึ้นและช่องทาง SEO ที่กว้างกว่า ส่วนเว็บไซต์ 15 หน้าใช้งบเวลาสูงกว่า แต่ให้ผลระยะยาวและรองรับการเติบโต
เรื่องการดูแล เว็บไซต์หน้าเดียวง่ายที่สุด แก้ไขครั้งเดียวจบ ส่วนเว็บไซต์หลายหน้าควรมีระบบจัดการเนื้อหาเพื่ออัปเดตได้สะดวก และมีแนวทางการตั้งชื่อเมนู ลิงก์ภายใน และรูปภาพอย่างเป็นมาตรฐาน เพื่อให้ทีมงานทำงานต่อได้ง่ายครับ
ถ้ายังไม่มีเนื้อหา ควรเริ่มอย่างไร
หลายธุรกิจอยากมีเว็บไซต์แต่ยังไม่พร้อมด้านเนื้อหา ผมแนะนำให้เริ่มจากขนาดเล็กที่สื่อสารข้อเสนอหลักให้ชัดก่อน อาจเริ่มแบบ 1 หน้า หรือ 5 หน้าแบบย่อ แล้วค่อยขยายสู่ 15 หน้าเมื่อเห็นทิศทางที่ได้ผล การวางโครงตั้งแต่แรกให้ยืดหยุ่น เช่น วางเมนูและลิงก์ให้เผื่อหน้าที่จะเพิ่มในอนาคต จะช่วยให้การขยายไม่สะดุด เมื่อขยายแล้วอย่าลืมจัดการเปลี่ยนเส้นทางลิงก์เก่าไปหน้าใหม่เพื่อไม่ให้ทราฟฟิกหายครับ
แล้วธุรกิจของคุณควรเลือกแบบไหน
ถ้าเป้าหมายเร่งด่วนคือให้คนเห็นข้อเสนอเดียวและติดต่อไว พร้อมยิงโฆษณา เว็บไซต์ 1 หน้าเป็นคำตอบที่ฉับไวและคุ้มค่า แต่ถ้าต้องการภาพลักษณ์ที่ครบถ้วนขึ้น มีหลายบริการ อยากให้ลูกค้าเลือกดูตามความสนใจ และเริ่มทำ SEO ระดับพื้นฐาน เว็บไซต์ 5 หน้าให้สมดุลดีมาก และถ้ากลยุทธ์ของคุณคือการสร้าง organic traffic ระยะยาว แข่งขันด้วยคอนเทนต์ แยกบริการลึกเป็นรายหัวข้อ และต้องการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้อย่างละเอียด เว็บไซต์ 15 หน้าจะตอบโจทย์ที่สุด
สรุปสั้นๆ เพื่อใช้ตัดสินใจ
เว็บไซต์ 1 หน้า คือความเร็วและความชัดเจนสำหรับข้อเสนอเดียว เว็บไซต์ 5 หน้า คือความสมดุลระหว่างภาพลักษณ์กับ SEO พื้นฐาน เว็บไซต์ 15 หน้า คือเครื่องมือเติบโตระยะยาวผ่านคอนเทนต์และการค้นหา เลือกให้สอดคล้องกับเป้าหมายและทรัพยากรของคุณ แล้วค่อยๆ ขยายเมื่อธุรกิจเติบโตครับ
แชร์บทความนี้

Written by Jerome Tana
Author at WEBCRAFTSMAN
Jerome Tana is a dedicated member of the WEBCRAFTSMAN team, specializing in web development, digital marketing, and creating exceptional user experiences.










