SEO

Local SEO (2025): คู่มือติดหน้าแรกบน Google Maps สำหรับธุรกิจ

Jerome Tana

Jerome Tana

17 สิงหาคม 2568

Local SEO (2025): คู่มือติดหน้าแรกบน Google Maps สำหรับธุรกิจ

ถ้ายังคิดว่า “Local SEO = แค่ปักหมุดบน Google Maps” …ผมขอเบรกไว้ตรงนี้ก่อนครับ เพราะโลกจริงปี 2025 มันแข่งขันกว่านั้นเยอะ โปรไฟล์ใน Google Business Profile (GBP) ต้องแน่น รีวิวต้องน่าเชื่อถือ เนื้อหาในเว็บไซต์ต้องตอบโจทย์ และบางที “ชั่วโมงเปิด-ปิด” ยังส่งผลกับอันดับด้วยซ้ำ

ใครเปิดตอนคนหาอยู่ มีโอกาสแซงขึ้นมาแบบง่าย ๆ เลย (Google เคยยืนยันเรื่อง “openness” ว่าเป็นสัญญาณหนึ่งจริง ๆ)

บทนี้ผมจะพาไล่ตั้งแต่ภาพใหญ่ของ Local SEO วันนี้ อัปเดตสำคัญที่เกิดขึ้นจริง กลไกที่มีผลต่ออันดับและการตัดสินใจ วิธีทำแบบเป็นขั้นเป็นตอนใน 90 วัน พร้อมกับดักที่พบบ่อยและการแก้เกมเวลาโปรไฟล์โดนพักสิทธิ์ เพื่อให้การค้นหาจากบริเวณใกล้เคียงกลายเป็นยอดขายได้จริงครับ

Local SEO คืออะไร (และทำไมถึงต้องเริ่มที่ Google Business Profile)

Local SEO คือการทำให้ร้าน/กิจการถูกพบจากการค้นหาใกล้ตัว เช่น “ร้านกาแฟใกล้ฉัน”, “ทันตแพทย์ พระราม 9” โดยจุดที่ทุกอย่างเริ่มคือ Google Business Profile (GBP) เพราะเป็น “หน้าร้านดิจิทัล” ที่ไปโผล่ทั้ง Search และ Maps เมื่อกรอกข้อมูลให้ครบ ถูกต้อง ยืนยันตัวตน และอัปเดตเวลาเปิดปิด โอกาสแสดงผลจะสูงขึ้นทันที ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางจาก Google Support แบบตรงไปตรงมาเลยครับ

ในแวดวงร้านอาหาร/บาร์ ช่วงต้นปี Google เริ่มปล่อยโซน “What’s Happening” เพื่อโชว์โปรโมชัน/อีเวนต์รายสัปดาห์บนหน้าโปรไฟล์ ทำให้สื่อสารสิ่งที่ “เกิดขึ้นตอนนี้” ได้ชัดขึ้น (เริ่มในบางประเทศและกลุ่มธุรกิจ Food & Drink) ถ้าใครอยู่ในกลุ่มนี้ การโพสต์อย่างมีแผนจะช่วยดันการมีส่วนร่วมบนหน้าโปรไฟล์ได้ดีมากครับ

Source: https://www.pinmeto.com/blog/google-business-profile-guidelines-2025

Source: https://www.pinmeto.com/blog/google-business-profile-guidelines-2025

Local SEO ในปี 2025 เป็นยังไง?

Local SEO ไม่ใช่แค่ “ให้หาเจอ” แต่คือ “ทำให้เชื่อและตัดสินใจ” บนหน้าผลลัพธ์เดียวกัน สองอย่างที่เห็นชัดในปีที่ผ่านมา:

  1. Google เพิ่มฟีเจอร์สายคอนเทนต์สด ในโปรไฟล์ โดยเฉพาะกลุ่ม Food & Drink เช่น “What’s happening” ที่ร้านสามารถโชว์โปรโมชัน/อีเวนต์สัปดาห์นี้ได้ตรงในผลค้นหา ช่วยดึงสายตาและ CTR แบบไม่ต้องคลิกเข้าเว็บก่อน
  2. สมรภูมิรีวิวเข้มขึ้น ทั้งนโยบายและการกวาดล้างรีวิวปลอม โดย Google ให้คำมั่นกับหน่วยงานกำกับในสหราชอาณาจักรว่าจะลบรีวิวที่เข้าข่ายบิดเบือนและแบนผู้กระทำผิดซ้ำ เพิ่มระบบแจ้งรีวิวต้องสงสัย และขึ้นป้ายเตือนบนโปรไฟล์เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ผลคือร้านที่ปั๊มดาวเดี๋ยว เสี่ยงโดนแบนมาก ๆ ครับ

โปรไฟล์ต้องอัปเดตเหมือนหน้าร้านจริง social proof ที่น่าเชื่อถือ และทำผิดกฎไม่ได้ เพราะวันนี้ Google “จริงจัง” กว่าเดิมครับ

หน้าโปรไฟล์สำคัญกว่าหน้าเว็บ (สำหรับบน Maps)

เวลาพูดถึงการติด “Local Pack” (สามร้านที่ถูกนำมาแสดงบนผลค้นหา) สัญญาณจาก GBP มีน้ำหนักมาก ตั้งแต่คีย์เวิร์ดในหมวดหมู่ (primary/secondary categories), ข้อมูลบริการ (Services), รีวิว ไปจนถึงสถานะ “เปิดอยู่”

ณ เวลาที่คนค้นหา ซึ่ง Google เคยคอนเฟิร์มประเด็น “openness” แล้วว่าเป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดอันดับแผนที่จริง ๆ

ฝั่งองค์ประกอบในโปรไฟล์ที่ขยับอันดับได้ มีเคสจาก Sterling Sky ทดลองเพิ่ม “Custom Services” แล้วอันดับดีขึ้นในหน้า maps อย่างมีนัยยะสำคัญ (เหมาะกับงานบริการที่อธิบายงานยิบย่อย) และมีการเก็บเคสเรื่องหมวดหมู่เสริมที่ช่วยให้ค้นเจอคำใกล้เคียงมากขึ้นด้วยครับ

แต่เว็บก็ยังสำคัญกับ “การตัดสินใจ” และ “Local Organic” เพราะข้อความบนเว็บสามารถไปโผล่เป็น “Justifications” ข้าง ๆ listing เพื่ออธิบายว่าทำไมเราถึงเกี่ยวข้องกับคำค้นหานั้น เช่น “เว็บไซต์ระบุว่า…”, “รีวิวบอกว่า…”, “โพสต์ล่าสุด…” ซึ่งมีผลกับการคลิกและโทรหาของลูกค้าจริง ๆ

Google local pack example

Google local pack example

พูดง่าย ๆ คือ ถ้าอยากติด Local Pack ต้อง จัดระเบียบ GBP ให้ “ตรง” และ “ครบ” อยากให้ลูกค้ากล้าติดต่อ และจัดหน้าเว็บให้ “ยืนยัน” คำสัญญาของโปรไฟล์ครับ

รีวิวต้องโปร่งใสและสม่ำเสมอ

ข้อมูลปี 2025 จาก BrightLocal บอกว่า 27% ของผู้บริโภคใช้แค่ “แหล่งเดียว” ในการอ่านรีวิวก่อนตัดสินใจ สูงขึ้นจากปีก่อน และส่วนใหญ่ยังอ่านอย่างน้อย 2 แหล่งอยู่ หลัก ๆ คือการดูรีวิว “แคบลง ลึกขึ้น” ข้อความในรีวิวจึงยิ่งสำคัญ เพราะมันไปเป็น justification ด้วยครับ

กลยุทธ์ที่ได้ผลในโลกจริง:

  • ขอรีวิวหลังบริการเสร็จทันทีแบบต่อหน้า สั้น ๆ พร้อมลิงก์ตรงไปหน้าเขียนรีวิว
  • กระตุ้นให้คนรีวิวแบบเจาะจง ให้เล่าบริการเฉพาะ เช่น “เปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แอร์” ไม่ใช่แค่ “บริการดี” เพราะคำแบบนี้ไปแมตช์คำค้นหาและดึง justification ชนิด “Reviews” ขึ้นมาข้างโปรไฟล์ได้
  • หลีกเลี่ยงทุกรูปแบบของการ “ซื้อรีวิว” เพราะทั้งนโยบาย Google และการกวาดล้างล่าสุดเอาจริงมาก โดนลบ โดนเตือน หรือหนักสุด เสียความน่าเชื่อถือทั้งแบรนด์ครับ
post-service review request flowchart for local business

post-service review request flowchart for local business

หน้า Service + Location + หลักฐานความเชี่ยวชาญ

เว็บไซต์ไม่ต้องซับซ้อน แต่อย่า “รวมทุกอย่างไว้หน้าเดียว” ครับ ผมชอบแนวทาง “Service Page x Location Page” คือมีหน้าบริการแต่ละตัว (เช่น “ล้างแอร์”, “ถอนฟันผุ”) แล้วมีหน้า Location/สาขาแยกที่ใส่ NAP, แผนที่ฝัง, รูปหน้าร้าน, วิธีการจอดรถ, ราคาเริ่มต้น และคำถามพบบ่อย สิ่งนี้ช่วยให้ Google เข้าใจ “ความเกี่ยวข้อง” และให้ลูกค้ารู้สึก "ใกล้" ตั้งแต่ยังไม่ออกจากบ้าน

ใส่คอนเทนต์ที่หยิบไปเป็น Justifications ได้ เช่น คำว่า “รับซ่อมด่วนในวันเดียว” บนหน้าเว็บ, โพสต์อัปเดตบน GBP, หรือภาพสินค้า/บริการล่าสุด แล้ววัดผลด้วย UTM บนปุ่ม Website/Call ในโปรไฟล์ เพื่อดูว่า “ทราฟฟิกจาก GBP” แปลงเป็นทักแชต/นัดหมาย/ยอดขายแค่ไหน (BrightLocal สรุปปัจจัย conversion บน GBP ไว้ดีทีเดียว ภาพ/รีวิว/ข้อเสนอสั้น ๆ มีผลกับการโทรและทิศทาง)

customer review snippet used as Google local justification

customer review snippet used as Google local justification

ระยะทางชนะทุกสิ่ง?

ความใกล้ (proximity) ยังเป็นแรงโน้มถ่วงหลักของแผนที่ ทำให้เราอาจติดท็อป 3 ในย่านตัวเอง แต่หลุดอันดับเมื่อไกลออกไป ไม่ใช่เพราะว่าทำผิดอะไร แต่เพราะธรรมชาติของระบบครับ

เคยมีดราม่าถกเถียงเรื่องการระบุ Service Areas ช่วยเรื่องอันดับไหม งานสรุปรวมความเห็นในปี 2024 บอกว่ามีคนเห็นผลและไม่เห็นผล แต่บทสรุปยังเอียงไปทาง “ไม่ใช่ปัจจัยตรง ๆ” ดังนั้นอย่าหวังเปลี่ยนอันดับด้วยการติ๊กพื้นที่เฉย ๆ โฟกัสที่หมวดหมู่/บริการ/รีวิว/คอนเทนต์ที่ตรงจุดดีกว่า

สำหรับร้านที่อยาก “ขยายรัศมี” ผมแนะนำให้ใช้ 3 ทางนี้: ทำหน้าเว็บสำหรับย่านเป้าหมายพร้อมเคสจริงในย่านนั้น, ร่วมมือกับเพจ หรือcommunity ท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการกล่าวถึง (ช่วยทั้งแบรนด์และ local organic), และใช้ Google Ads/Local Services Ads เจาะพิกัดเมื่อจำเป็น

จำไว้ว่า Local Services Ads คิดเงิน “ต่อ lead” ต่างจาก Google Ads ที่คิด “ต่อคลิก” เหมาะกับสายบริการที่รับลูกค้าด้วยการโทรsหรือส่งข้อความได้เลยครับ

สิ่งที่คนมักพลาด และวิธีกู้ชีพโปรไฟล์

กับดักที่พบบ่อยคือ

  • “หมวดหมู่ไม่ตรง” ทำให้โปรไฟล์ไปแข่งผิดสนาม
  • “เวลาเปิดไม่แม่น” ทำให้ตกอันดับในช่วง prime time
  • “รีวิวสั้น/ซ้ำคำ” ไม่ช่วยคำค้นหาท้องถิ่น
  • และ “รูปน้อย/เก่า” ทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจ

นอกจากนี้ โปรไฟล์โดนระงับก็เกิดได้ ถ้าข้อมูลไม่สอดคล้องกับเอกสาร/ตำแหน่ง หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง ในโลกออนไลน์ก็มีผู้ประกอบการมาเล่าว่าโดนแบนแม้ทำธุรกิจจริงมานาน

วิธีเซฟคือเก็บหลักฐานสถานที่/ป้าย/ใบอนุญาตไว้พร้อมและตอบยืนยันให้ครบเวลารีวิวเคสครับ

อีกหนึ่งอัปเดตที่ช่วยเรื่องความพร้อม หลายเคสวันนี้ต้อง “วิดีโอคอลยืนยัน” โปรไฟล์ เตรียมป้ายร้าน ภายในร้าน ใบเอกสาร ให้เห็นชัดในคอล จะทำให้ผ่านไวและลดโอกาสโดน reject ครับ

สรุป

Local SEO ไม่ใช่หมุดบนแผนที่ แต่เป็น “ระบบขายหน้าร้าน” ที่เกิดขึ้นบนหน้าผลค้นหาในชั่วเสี้ยววินาที โปรไฟล์ที่ครบถ้วนและสดใหม่ + รีวิวที่มีบริบท + หน้าเว็บที่ยืนยันคำสัญญา = โอกาสถูกคลิก โทร และมาที่ร้านจริงที่เพิ่มขึ้นครับ

ยิ่งปี 2025 ที่ Google เข้มเรื่องความน่าเชื่อถือและเพิ่มฟีเจอร์ดึงดูดสายตา ใครลงมือก่อนก็ชนะก่อน ผมสรุปให้ง่าย ๆ ว่า “ตรง (categories/services), สดใหม่ (posts/photos/hours), สะอาด (ใช้รีวิวจริง), และวัดผล” ทำให้ครบ แล้วให้เวลาประมาณ 60–90 วัน ผลลัพธ์จะเริ่มนิ่งและเติบโตครับ

แชร์บทความนี้

Jerome Tana

Written by Jerome Tana

Author at WEBCRAFTSMAN

Jerome Tana is a dedicated member of the WEBCRAFTSMAN team, specializing in web development, digital marketing, and creating exceptional user experiences.

Available slots for December

Get started with our service easily today

Fill out the form to request a free quote or consult about your project

  • Contact back within 24 hours
  • No cost
  • No commitment