เคยนั่งมองหน้า Hero Section ว่างเปล่าเหมือนจอขาว ๆ แล้วบอกตัวเองว่า “เดี๋ยวค่อยคิด” ไหมครับ แล้วสุดท้ายก็นั่งไถเฟสแทน 5555

ปี 2025 นี้ ผมอยากชวนให้เปลี่ยนจาก “คิดทีละเสี้ยว” มาเป็น “ตั้งหลักให้ถูก แล้วปล่อยเครื่องมือ AI ช่วยทำ” เราจะยังออกแบบแบบมีสติ มีระบบ แต่ไม่ทิ้งแรงบันดาลใจครับ

ด้านล่างคือ 5 เครื่องมือที่ผมอยากให้ลอง เพราะมัน ช่วยเคลียร์ช่องโหว่ ของงานเว็บดีไซน์เกือบทุกจุด: คิดโครง, ปั้นเลย์เอาต์, จูนคอนเทนต์, ทำเวอร์ชันทดลอง, ไปจนถึงส่งมอบได้เลย

1) Figma AI / Figma Make — เริ่มขึ้นโครงงานดีไซน์เร็วขึ้น

เวลาเราคุยกับลูกค้าแล้วได้โจทย์หลวม ๆ ว่า “อยากได้หน้า Landing ที่ว้าว” ปัญหาคือ จะวางเฟรมแรกยังไง ให้ทีมเดินต่อได้เร็ว Figma AI ช่วยปั้น ร่างแรก (first draft) จาก prompt ให้ตรงกับ design system ของเรา แล้วค่อยลงมือปรับจูนด้วยมืออีกที

เร็วขึ้นแบบไม่เสียคุณภาพงานมืออาชีพครับ ล่าสุด Figma ประกาศ Make และชุด AI กำลังออกจาก beta ซึ่งชี้ว่าฟีเจอร์ตระกูลนี้พร้อมใช้งานจริง มากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

ของที่น่าลองใช้:

Make/AI “Make Designs”: ป้อนโจทย์แล้วได้ UI ที่ยึด design system ปัจจุบัน—เหมาะกับการ kick‑off งานเร็ว ๆ ก่อนลงมือแต่งรายละเอียด
Workflow ใหม่จาก Config 2024: ชุดอัปเดตใหญ่เพื่อดีไซเนอร์และ Dev Mode—ทำงานร่วมกันลื่นขึ้น (และทำให้ AI อยู่ใน flow เดียวกับงานเรา)

Playbook 3 ขั้นตอน (พร้อมใช้):
(1) สร้างไฟล์ “Brief → Components” ใส่ design tokens/DS ที่มี → (2) ใช้ Make/AI ให้ร่างเลย์เอาต์ 2–3 แบบตามโจทย์ → (3) เลือก 1 แบบมาขัดเกลา แล้วสลับไป Dev Mode ส่งต่อทันที

Screenshot of figma.com

2) Framer AI — จาก Hero เทา ๆ ให้กลายเป็นเว็บที่ Live ในวันเดียว

นึกภาพลูกค้าพูดว่า “สัปดาห์หน้ามีแคมเปญ…ขอหน้าโปรด่วน”—Framer คือเครื่องที่คุณกด Start with AI แล้วได้โครงเว็บพร้อม CMS/SEO/อนิเมชัน “ที่เอาไปใส่คอนเทนต์จริง ๆ ได้เลย” ข้อดีคือมันไม่ใช่แค่ visual editor ธรรมดา แต่ถูกออกแบบให้ ออกสู่โปรดักชัน ฉับไว และทีมเดียวกันทำงานร่วมกันได้จริง (collab + publish)

Wireframer ใน Framer ฉลาดขึ้น อย่างเช่นการ เติมไอคอนตรงกับ prompt อัตโนมัติ และระบบ Code File APIs ที่เปิดให้ปลั๊กอินอ่าน/แก้ไขไฟล์โค้ด เพื่อการปรับแต่งระดับลึกมากขึ้น เหมาะกับทีมที่อยากคุมทั้งดีไซน์และโค้ดในระบบเดียว

Playbook 3 ขั้น:
(1) ให้ AI ปั้นหน้า Hero + 3 เซกชันรองจากคีย์ข้อความแคมเปญ → (2) ปรับคอนเทนต์/ภาพ + ใส่ micro‑interaction → (3) เชื่อมฟอร์ม/แหล่งข้อมูล CMS แล้วกด Publish

Screenshot of framer.com

3) Relume AI — ทำ Sitemap + Wireframe ให้พูดภาษาเดียวกับลูกค้า

การคุย scope กับลูกค้า บ่อยครั้งติดตรง “ทุกคนเห็นภาพไม่ตรงกัน” Relume แก้ให้ด้วย AI ที่ สร้าง Sitemap และ Wireframe ได้ในไม่กี่นาที แล้วเราค่อยแก้/เพิ่ม global sections → จากนั้น ส่งต่อเข้า Figma หรือ Webflow ได้ทันที จบการคุยเรื่องโครงสร้างเร็วขึ้นมากครับ

มี docs สอนแบบ step‑by‑step ทั้งการ เขียน prompt ให้ได้ sitemap ดี ๆ และ การแก้/เพิ่ม page-section เพื่อให้ทีมทำร่วมกันแบบเดินหน้าเร็วตั้งแต่ชั่วโมงแรกของโปรเจกต์

Playbook 3 ขั้น:
(1) เปิดคอลล์ discovery → ให้ Relume สร้าง sitemap จากโจทย์ → (2) แก้คำ/เรียงลำดับหน้า และลาก global sections → (3) export ไป Figma เพื่อขึ้น UI หรือส่ง Webflow เพื่อต่อ production

Screenshot of relume.io

4) v0 (by Vercel) — “ดีไซน์ → โค้ด” สำหรับคอมโพเนนต์และหน้าตัวอย่าง

บางครั้งเราต้องการ หน้า/คอมโพเนนต์โค้ดได้เลย เพื่อทดสอบเร็ว ๆ (A/B, โปรโมชัน, ฟีเจอร์ย่อย) v0 คือ AI ที่ แปลงข้อความเป็น UI พร้อมโค้ด โดยอาศัยเทคโนโลยี Frontend ยอดนิยม เช่น React + Tailwind + shadcn/ui เหมาะมากกับทีมดีไซน์‑เดฟที่อยากได้ต้นแบบที่ใช้โค้ดจริง เพื่อดู performance/interaction ก่อนลงทุนเต็มระบบ

หน้าโปรดักต์ของ v0 เองก็สรุปเจตนาไว้ชัด: “ผู้ช่วย AI ร่วมออกแบบ‑ไอเทเรต‑สเกลแอปเว็บ” ซึ่งสะท้อนว่าเครื่องนี้ไม่ได้หยุดที่การสเก็ตช์ แต่ช่วยคุณ เดินต่อได้ทั้งเส้น ครับ

Playbook 3 ขั้น:
(1) เขียน prompt ระบุเลย์เอาต์ + states + data props → (2) ให้ v0 สร้างโค้ด + ปรับคอมโพเนนต์ให้เข้ากับ design tokens → (3) ยิง preview และส่ง PR ให้ทีมรีวิว

Screenshot of v0.app

5) ChatGPT (GPT‑5) มือขวาด้าน UX Copy, ไอเดีย, และ “เบื้องหลังที่มองไม่เห็น”

ยอมรับตามตรงครับ: งานเว็บดีไซน์จำนวนมาก “ล่มตรงคำ” มากกว่าล่มตรงรูป ChatGPT ช่วย แตกโจทย์เป็นภาษาผู้ใช้, เขียน microcopy, สร้างเวอร์ชันทดสอบ, และแม้แต่ทำ รีเสิร์ชสดผ่าน ChatGPT Search เพื่ออ้างอิงอย่างไวในระหว่างดีไซน์ (โดยไม่ต้องสลับหน้าจอ) ปีนี้ OpenAI ประกาศ GPT‑5 และตระกูล GPT‑4o ที่เน้นมัลติโหมด/ความเร็ว/ความแม่นยำ เหมาะกับงานเขียน‑คิด‑โค้ดระดับโปรมากขึ้น รวมถึง 4o image generation สำหรับสร้างภาพประกอบที่ตามโจทย์ได้เป๊ะขึ้นด้วยครับ

Playbook 3 ขั้น:
(1) ป้อนบริบทแบรนด์/Persona + เป้าหมายแปลง (เช่น “ขอ microcopy สำหรับ Hero ที่ขายคอร์ส เรียน 30 ชม. จบ…”) → (2) ให้สร้าง 5 เวอร์ชัน พร้อมเหตุผลเบื้องหลัง (Tone + Objection handling) → (3) ส่งชุดที่ชนะเข้า Framer/Figma ทันที