วิธีเพิ่ม Conversion Rate ของเว็บไซต์ด้วย "Process Section"

Jerome Tana

Jerome Tana

3 สิงหาคม 2568

วิธีเพิ่ม Conversion Rate ของเว็บไซต์ด้วย "Process Section"

เคยใช้เงินลงทุนกับเว็บไซต์ที่ออกแบบสวยมาก แต่พอมาดูผลลัพธ์ที่ได้กลับมาแล้วน้ำตาแทบไหลไหมครับ?

ขณะที่เว็บไซต์คู่แข่งที่ดูธรรมดา ๆ กลับมียอดขายทะลุเป้าซะงั้น

จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องปกติครับ เพราะสิ่งที่หลายคนมองข้าม แต่กลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่ม Conversion Rate อย่างมีนัยสำคัญ คือ "Process Section" หรือ ส่วนแสดงขั้นตอนการทำงาน

แล้ว Process Section มันคืออะไรกันแน่?

Process Section คือพื้นที่บนเว็บไซต์ที่เอาไว้แสดงขั้นตอนการทำงานหรือกระบวนการให้บริการของธุรกิจ โดยทำให้ลูกค้าเข้าใจง่าย ๆ ว่า หลังจากกดปุ่มนั้นแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ลองคิดดูสิครับ เวลาที่เราจะซื้ออะไรออนไลน์ เราจะคิดอะไรก่อนกดปุ่ม "สั่งซื้อ"?

  • "หลังจากกดปุ่มนี้แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?"
  • "กระบวนการทำงานมีความซับซ้อนแค่ไหน?"
  • "ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร?"

นี่แหละครับ Process Section ที่ดีจะตอบคำถามพวกนี้ให้หมด

สูตรลับ Process Section แบบ 3 ขั้นตอนที่ผมใช้แล้วได้ผล

ขั้นตอนที่ 1: ทำให้ CTA กับขั้นตอนแรกเป็นเรื่องเดียวกัน

นี่คือจุดที่หลายคนพลาดครับ เรามักจะทำ CTA ไป ขั้นตอนไป แยกกันคนละเรื่อง

ลองดูตัวอย่างนี้:

บริษัทออกแบบเว็บไซต์ที่ทำผิด:

  • CTA: "รับคำปรึกษาฟรี"
  • ขั้นตอนที่ 1: "ออกแบบเว็บไซต์"

บริษัทออกแบบเว็บไซต์ที่ทำถูก:

  • CTA: "รับคำปรึกษาฟรี"
  • ขั้นตอนที่ 1: "รับคำปรึกษาและวิเคราะห์ความต้องการ"

เห็นความแตกต่างไหมครับ? ตัวที่สองทำให้รู้สึกว่า หลังจากกดปุ่มแล้วจะได้รับอะไรชัดเจนกว่า

ลองเอาไปใช้ดูครับ ผลลัพธ์จะทำให้:

  • ลูกค้าไม่สับสนว่าจะได้อะไรหลังจากกดปุ่ม
  • ลดความลังเลในการตัดสินใจ
  • เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า

ขั้นตอนที่ 2: โชว์กระบวนการทำงานให้ดู

ขั้นตอนที่สองนี้ คือหัวใจสำคัญของ Process Section เลยครับ ต้องอธิบายว่าเราทำงานยังไง แต่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย

ยกตัวอย่าง บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชัน อาจจะเขียนว่า:

"ออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชัน"

  • วิเคราะห์และวางแผนโครงสร้าง
  • ออกแบบ UI/UX ตามความต้องการ
  • พัฒนาและเขียนโค้ดแอปพลิเคชัน
  • ทดสอบการทำงานและแก้ไขจุดบกพร่อง
  • ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพ

หรือบริษัทการตลาดดิจิทัล:

"วางแผนและดำเนินการตลาดครบวงจร"

  • วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและคู่แข่ง
  • สร้างกลยุทธ์การตลาดเฉพาะตัว
  • ผลิตและเผยแพร่เนื้อหาคุณภาพ
  • ติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์
  • ปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง

เวลาลูกค้าอ่านแล้ว จะรู้สึกว่า "โอ้ เค้าทำงานเป็นระบบจริง ๆ ด้วย"

ขั้นตอนที่ 3: ขายฝันให้ลูกค้า (แต่ฝันที่เป็นจริงได้นะ)

ขั้นตอนสุดท้ายนี้ สำคัญมากครับ ต้องทำให้ลูกค้าเห็นภาพว่า หลังจากใช้บริการเราแล้วจะได้อะไร

ลองดูตัวอย่างการเขียนที่ดึงดูดใจ:

บริษัทลดน้ำหนัก: "เปลี่ยนแปลงสู่ตัวตนใหม่ที่มั่นใจ"

  • ลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
  • มีสุขภาพแข็งแรงและพลังงานเพิ่มขึ้น
  • มีความมั่นใจและภูมิใจในตัวเอง
  • เปลี่ยนนิสัยการกินและการออกกำลังกายไปตลอดชีวิต

บริษัททำ SEO: "ครองอันดับ 1 Google และเพิ่มยอดขายทะลุเป้า"

  • เว็บไซต์ขึ้นหน้าแรก Google สำหรับคีย์เวิร์ดสำคัญ
  • เพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างมีนัยสำคัญ
  • ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
  • สร้างรายได้จากออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

ทำไม Process Section ถึงช่วยเพิ่ม Conversion ได้?

1. มนุษย์เราไม่ชอบความไม่แน่นอน

ลองคิดดูสิครับ เวลาเราไม่รู้ว่าหลังจากกดปุ่มแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เรามักจะลังเลใช่ไหม?

Process Section ช่วยลดความไม่แน่นอนนี้ โดยแสดงเส้นทางที่ชัดเจนให้ลูกค้าเห็น

2. สร้างความไว้วางใจ

การแสดงกระบวนการทำงานที่เป็นระบบ จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราเป็นมืออาชีพ และน่าเชื่อถือ

3. จัดการความคาดหวัง

เมื่อลูกค้ารู้ว่าจะได้รับอะไร เมื่อไหร่ และในรูปแบบใด พวกเขาจะไม่ผิดหวัง และมีความพึงพอใจมากขึ้น

เทคนิคการออกแบบที่ผมใช้แล้วได้ผล

1. ใช้ Visual Elements ให้เหมาะสม

  • ไอคอน: เลือกที่เข้าใจง่าย อย่าใช้แปลก ๆ
  • ลูกศรหรือเส้นเชื่อม: แสดงการไหลของขั้นตอนให้ชัดเจน
  • สีสัน: ใช้สีที่สอดคล้องกับแบรนด์
  • ฟอนต์: อ่านง่าย อย่าใช้แฟนซีเกินไป

2. เขียนเนื้อหาให้คนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจ

  • หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคที่ซับซ้อน
  • แต่ละขั้นตอนไม่ควรยาวเกินไป
  • เน้นประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ
  • ใช้คำที่สร้างอารมณ์เชิงบวก

3. เลือก Layout ที่เหมาะกับเนื้อหา

  • แนวนอน: เหมาะกับขั้นตอนแบบเรียงลำดับ
Horizontal Flow from webcraftsman.co

Horizontal Flow from webcraftsman.co

  • แนวตั้ง: ดีสำหรับมือถือและเนื้อหาที่มีรายละเอียดเยอะ
Vertical Timeline from https://uicookies.com/vertical-timeline/

Vertical Timeline from https://uicookies.com/vertical-timeline/

  • แบบวงกลม: สร้างความรู้สึกของกระบวนการที่ต่อเนื่อง
Circular Process from https://www.elegantthemes.com/blog/divi-resources/creating-an-our-process-section-with-divis-new-column-structures

Circular Process from https://www.elegantthemes.com/blog/divi-resources/creating-an-our-process-section-with-divis-new-column-structures

ข้อผิดพลาดที่เจอบ่อย ๆ (และวิธีแก้)

1. ทำซับซ้อนเกินไป

หลายคนพยายามอธิบายทุกรายละเอียด จนลูกค้ารู้สึกงง

วิธีแก้: จำไว้ว่า "เรียบง่ายแต่ครบถ้วน" คือสิ่งสำคัญ

2. CTA กับขั้นตอนแรกไม่เข้ากัน

ถ้าไม่ตรงกัน จะสร้างความสับสนให้กับลูกค้า

วิธีแก้: ให้ขั้นตอนแรกสะท้อนการกระทำเดียวกันกับ CTA

3. เน้นคุณสมบัติมากกว่าประโยชน์

ลูกค้าสนใจว่าจะได้ประโยชน์อะไร มากกว่าการรู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง

วิธีแก้: เขียนโดยคิดจากมุมมองของลูกค้า

สรุป: Process Section คือเคล็ดลับที่หลายคนมองข้าม

Process Section ที่ดีไม่ใช่แค่การตกแต่งเว็บไซต์ แต่เป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลังมาก ๆ

เมื่อทำ Process Section แบบ 3 ขั้นตอนที่ผมแนะนำ:

ขั้นตอนที่ 1: ให้สอดคล้องกับ CTA

ขั้นตอนที่ 2: แสดงกระบวนการทำงานที่เป็นมืออาชีพ

ขั้นตอนที่ 3: นำเสนอผลลัพธ์ที่ลูกค้าใฝ่ฝัน

คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน:

  • Conversion Rate เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
  • Bounce Rate ลดลง
  • ความไว้วางใจจากลูกค้าเพิ่มขึ้น
  • สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

Process Section ที่ดีคือการเล่าเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลง จากปัญหาไปสู่โซลูชัน และจากโซลูชันไปสู่ความสำเร็จ

ลองเอาไปปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณดู แล้วมาเล่าให้ฟังว่าผลเป็นยังไงบ้างนะครับ!

แชร์บทความนี้

Jerome Tana

Written by Jerome Tana

Author at WEBCRAFTSMAN

Jerome Tana is a dedicated member of the WEBCRAFTSMAN team, specializing in web development, digital marketing, and creating exceptional user experiences.

พร้อมให้บริการสำหรับเดือนธันวาคม

เริ่มต้นรับบริการง่าย ๆ ได้ทันที

กรอกแบบฟอร์มเพื่อขอใบเสนอราคาฟรี หรือปรึกษาเกี่ยวกับโปรเจกต์ของคุณ

  • ติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง
  • ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • ไม่มีข้อผูกมัด