Web Design

ทำไมการยิง Ads ถึงอาจจะไม่ช่วยเพิ่มยอดขาย (พร้อมวิธีแก้)

Jerome Tana

Jerome Tana

4 สิงหาคม 2568

ทำไมการยิง Ads ถึงอาจจะไม่ช่วยเพิ่มยอดขาย (พร้อมวิธีแก้)

ลองคิดดูสิครับว่าเพิ่งทำ Facebook Ads แคมเปญใหม่ จ่ายเงินไป 50,000 บาท ได้ Traffic เข้ามา 10,000 คน แต่พอดูยอด Sales กลับเข้ามาแค่ 2-3 คนเท่านั้น

หรือบางทีทำ SEO มาหลายเดือน ในที่สุดก็ติดอันดับ 1 Google ได้แล้ว มี Traffic เข้ามาเยอะ แต่ลูกค้าที่ติดต่อมาน้อยกว่าที่ควรจะเป็นs

หลายคนใช้เงินหลักหมื่น หลักแสนทำ Marketing แล้วได้แค่ Traffic เยอะ ๆ แต่ขายไม่ได้ คิดเป็น Conversion Rate แค่ 0.5-1% เท่านั้น

จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องปกติครับ เพราะส่วนใหญ่เรามักจะโฟกัสไปที่การหา Traffic อย่างซื้อ Ads, ทำ SEO แต่ลืมสิ่งสำคัญที่สุดไปคือ Landing Page ที่สามารถ Traffic เป็น Customer ได้

Landing Page คืออะไรกันแน่?

Landing Page คือหน้าเว็บไซต์ที่เราให้ลูกค้าเห็นเมื่อคลิกเข้ามาจาก Ads หรือ Google Search มันเหมือนพนักงานขายตัวแรกที่ต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาในร้านครับ

ลองคิดดูสิครับ ถ้าคุณเดินเข้าร้านแล้วพนักงานไม่สนใจ ไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร หรือพูดไม่ชัดเจน คุณจะซื้อของไหมครับ แน่นอนว่าไม่

Landing Page ก็เหมือนกัน ถ้าออกแบบไม่ดี ลูกค้าก็กดออกไปทันที

ทำไมคนถึงมักมองข้าม Landing Page?

พอเข้าใจแล้วว่า Landing Page คืออะไร ลองถามตัวเองดูสิครับ:

  • "ทำ Ads แล้วได้ Traffic เยอะ ทำไมขายได้น้อย?"
  • "SEO ขึ้นอันดับ 1 แล้ว แต่ทำไมลูกค้าไม่ติดต่อมา?"
  • "คนเข้าเว็บเยอะ แต่ไม่มีใครสั่งซื้อเลย"

เพราะเราลืมไปว่า การหา Traffic เป็นแค่ครึ่งเดียวของการขาย อีกครึ่งหนึ่งคือการแปลง Traffic นั่นเองเป็น Sales!

มันเหมือนการเปิดร้านขายของครับ คุณโฆษณาให้คนมาเยี่ยมชมร้าน (Traffic) แต่พอเขาเข้ามาแล้ว ภายในร้านไม่น่าเดิน ไม่รู้ว่าขายอะไร ราคาเท่าไหร่ จะซื้อยังไง ลูกค้าก็เดินออกไปครับ

Source: https://www.mprnews.org/story/2014/08/24/california-earthquake

Source: https://www.mprnews.org/story/2014/08/24/california-earthquake

สูตรลับ Landing Page Design แบบ 4 ขั้นตอนที่ผมใช้แล้วได้ผล

มาดูสูตรที่ผมใช้เพิ่ม Conversion Rate จาก 1% เป็น 8-12% กันเลยครับ:

1. สร้าง Headline ที่โดนใจในไม่ถึง 3 วินาที

คนเข้าเว็บแล้วจะตัดสินใจใน 3 วินาทีแรกว่าจะอยู่ต่อหรือไม่

อย่าเขียนว่า "บริษัทเราก่อตั้งมา 20 ปี มีประสบการณ์มากมาย..."

ให้เปลี่ยนเป็น "ลดน้ำหนัก 10 กิโลใน 90 วัน ไม่ต้องงดอาหาร"

ลองดูตัวอย่าง Landing Page ของ Bulletpen AI ครับ เขาไม่พูดอะไรเกี่ยวกับตัวเองใน headline เลย แต่เขียนว่า "Write great essays while you yep" แค่ส่วนนี้ก็รู้ได้เลยว่า software ทำอะไรได้

Screenshot of bulletpen.ai

Screenshot of bulletpen.ai

2. ใส่ Social Proof ให้คนเชื่อถือ

คนจะตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น เมื่อเห็นว่าคนอื่นซื้อแล้วพอใจ

จากที่ผมเคยเล่าไปใน วิธีเพิ่มความน่าเชื่อถือบนเว็บไซต์ด้วย Testimonial ที่แนะนำให้ใส่รีวิวลูกค้าจริงแบบละเอียด นอกจากนี้ยังมีส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น บอกจำนวนลูกค้าที่ใช้, รางวัลที่ได้รับ (ถ้ามี) เช่น

  • ใส่รีวิววิดีโอจากนักเรียน 10 คน
  • แสดงจำนวนนักเรียนที่เรียนแล้ว "มากกว่า 2,500 คน"
  • ใส่ภาพประกาศนียบัตรหรือรางวัลที่เคยได้รับ
Screenshot of senja.io

Screenshot of senja.io

3. ออกแบบ Call-to-Action ที่ชัดเจน

เพื่อให้ลูกค้าต้องรู้ว่าต้องทำอะไรถัดไป

การที่เขียนบนปุ่มแค่ "Submit", "Click Here" ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับตัว offer ของเราเลย

ลองเขียนให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น "รับคอร์สฟรี" หรือ "เริ่มทดลองใช้วันนี้" ครับ

Blog post image

4. ลดความกังวลด้วย Risk Reversal

คนมักกลัวเสี่ยง ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ต้องมั่นใจก่อนจึงจะตัดสินใจ

ซึ่งแนะนำว่าให้การรับประกัน, ทดลองใช้ฟรี หรือคืนเงิน 100% จะทำให้คนมั่นใจมากขึ้น

เรื่องที่ธุรกิจมักกังวล คือ ไม่อยากเอาความเสี่ยงมาไว้กับตัวเอง จึงไม่กล้ารับประกันการคืนเงิน

แต่ในความเป็นจริง ถ้าสินค้าหรือบริการไม่มีปัญหาหนักจริง ๆ ลูกค้าที่มาใช้สิทธิ์ขอเงินคืนมีน้อยมาก ๆ ครับ ถ้าไม่พอใจ อย่างมากก็แค่รีวิว 1 ดาว แล้วไม่กลับมาใช้อีก

ถ้าเรามั่นใจใน offer ของเราจริง ๆ การรับประกันจะยิ่งมีแต่ผลดีครับ

เทคนิคการออกแบบที่ใช้ได้จริง

มาดูเทคนิคเพิ่มเติมที่ผมใช้บ่อย ๆ กันครับ:

  1. ใช้สีเด่นสำหรับปุ่ม CTA: ใช้สีคู่ตรงข้ามกับสีหลักของเว็บไซต์ เช่น ถ้าเว็บสีเขียน ให้ใช้ CTA สีส้ม ถ้าเว็บสีม่วง ให้ใช้ CTA สีเหลือง จะดึงดูดสายตาได้ดีกว่าใช้สีหลัก หรือสีที่ใกล้เคียงกันครับ
  2. ใส่รูปภาพจริง: รูป Stock Photo ถ้าใช้มากเกินไป ทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือ ใช้รูปของทีมหรือลูกค้าจริงดีกว่า
  3. เขียน Copy แบบสั้น ๆ กระชับ: ข้อความไหนที่เรียงติดกันยาว ๆ ให้ใช้ bullet points หรือแทรกรูปภาพบ่อย ๆ เพื่อเป็น visual break
  4. ทำให้โหลดเร็ว: WP Rocket บอกว่า สถิติที่คนส่วนใหญ่รอเว็บโหลด คือไม่เกิน 3 วินาที ถ้านานกว่านั้นจะกดออก
  5. Mobile-Friendly: คน 80% เข้าเว็บผ่านมือถือ ต้องดูง่ายบนหน้าจอเล็ก
ปุ่มสีแดง outperform สีเขียว 21% | Source: https://instapage.com/blog/landing-page-colors-influence-on-landing-pages/

ปุ่มสีแดง outperform สีเขียว 21% | Source: https://instapage.com/blog/landing-page-colors-influence-on-landing-pages/

ข้อผิดพลาดที่เจอบ่อย ๆ (และวิธีแก้)

1. ใส่ข้อมูลมากเกินไป

หลายคนคิดว่ายิ่งใส่ข้อมูลเยอะ ลูกค้าจะยิ่งเข้าใจดี แต่จริง ๆ แล้ว ข้อมูลมากเกินไปทำให้คนสับสน ควรเก็บแค่ข้อมูลสำคัญ 3-4 จุด ที่ตอบโจทย์ลูกค้าโดยตรง

2. ไม่มี Clear Value Proposition

เว็บไซต์เขียนว่า "เราให้บริการดี ๆ" แต่ไม่บอกว่าดียังไง แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร

ปรับได้ด้วยการเขียน Headline ที่บอกประโยชน์ชัดเจน เช่น "ประหยัดเวลา 5 ชั่วโมงต่อสัปดาหด้วยระบบบัญชีอัตโนมัติ"

3. CTA ไม่ชัดเจน

มีปุ่มเยอะแยะ ไม่รู้ว่าต้องกดอันไหน หรือปุ่มเล็กเกินไป มองไม่เห็น

ควรใช้ปุ่ม CTA หลักแค่ 1-2 ปุ่ม ใหญ่ สีเด่น วางในตำแหน่งที่สำคัญ

4. ไม่ Test และปรับปรุง

สร้าง Landing Page แล้วทิ้งไว้ ไม่เก็บข้อมูลว่าผลเป็นอย่างไร

แนะนำให้ใช้ Google Analytics ดู Conversion Rate แล้วทดสอบปรับปรุงเดือนละครั้ง

Landing Page คือกุญแจสำคัญของการขายออนไลน์

อย่าลืมนะครับว่า การทำ Marketing ที่สมบูรณ์ = หา Traffic + แปลง Traffic

ถ้าคุณทำแค่ SEO หรือ Ads โดยไม่สนใจ Landing Page ก็เหมือนตักน้ำใส่ตะกร้า เงินที่ใช้โฆษณาจะสูญเปล่าครับ

Blog post image

สูตร 4 ขั้นตอนที่ผมแชร์ไป:

สร้าง Headline ที่โดนใจ - ให้คนสนใจในวินาทีแรก

ใส่ Social Proof - สร้างความเชื่อถือ

ออกแบบ CTA ที่ชัดเจน - บอกให้คนรู้ว่าต้องทำอะไร

ลดความกังวลด้วย Risk Reversal - ให้คนกล้าตัดสินใจ

การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ใน Landing Page สามารถเปลี่ยนธุรกิจของคุณได้จริง ๆ ครับ

ลองเอาไปปรับใช้กับ Landing Page ดู แล้วมาเล่าให้ฟังว่าผลเป็นยังไงบ้างนะครับ

แชร์บทความนี้

Jerome Tana

Written by Jerome Tana

Author at WEBCRAFTSMAN

Jerome Tana is a dedicated member of the WEBCRAFTSMAN team, specializing in web development, digital marketing, and creating exceptional user experiences.

พร้อมให้บริการสำหรับเดือนธันวาคม

เริ่มต้นรับบริการง่าย ๆ ได้ทันที

กรอกแบบฟอร์มเพื่อขอใบเสนอราคาฟรี หรือปรึกษาเกี่ยวกับโปรเจกต์ของคุณ

  • ติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง
  • ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • ไม่มีข้อผูกมัด