ปรับใช้เทคนิค “กระเป๋า 7 ใบ” กับการออกแบบกลยุทธ์บนเว็บไซต์
Jerome Tana
5 สิงหาคม 2568

Table of Contents
ในหนังสือ The Brain Audit เปรียบเทียบการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเหมือนการโหลดกระเป๋าลงจากเครื่องบิน
“เราจะไม่ไปไหนต่อ จนกว่ากระเป๋าทุกใบจะถูกขนลงจากเครื่องบินครบ”
กระเป๋าแต่ละใบ คือ “คำถามในหัวของลูกค้า” ที่ต้องได้รับคำตอบก่อน
พอทุกใบถูกขนลงเรียบร้อย → ลูกค้ารู้สึก สบายใจ และ พร้อมจ่าย
กระเป๋าทั้ง 7 ใบมีอะไรบ้าง?
- ปัญหา (Problem)
- เป้าหมาย/ทางออก (Solution)
- เป้าหมายเฉพาะ (Target Profile)
- หลักฐาน (Proof)
- สิ่งคัดค้าน (Objections)
- การรับประกัน (Risk Reversal)
- เรียกร้องให้ลงมือทำ (Call to Action)
นำมาปรับใช้กับเว็บไซต์ได้ยังไง
1. ปัญหา (Problem)
ลูกค้าจะไม่สนใจ ถ้าคุณไม่พูดถึงปัญหาของเขาก่อน
คนซื้อเพราะอยากหลุดจากปัญหา
ไม่ใช่เพราะคุณเก่ง
เพราะฉะนั้น เมื่อนำมาปรับใช้บนเว็บไซต์ ต้อง
พาดหัวต้องชี้ชัดปัญหาที่ลูกค้ากำลังเจอ
และ ใช้ภาษาเดียวกับที่ลูกค้าพูด เช่น
“เว็บสวยแต่ไม่มีคนทักหา?”
“ลูกค้าคลิกโฆษณาแต่ไม่ซื้อ?”
2. ทางออก (Solution)
หลังจากดึงความสนใจด้วยปัญหา → ต้องรีบเสนอทางออก
- ระบุ “สิ่งที่คุณทำ” และ “ผลลัพธ์ที่คาดหวัง”
- อย่าใช้ศัพท์เทคนิคมากเกินไป ใช้ภาษาที่จับต้องได้
ตัวอย่าง: “เราออกแบบโฆษณาให้ตรงกับจุดตัดสินใจของลูกค้า เพื่อเพิ่มยอดจอง-ยอดขายใน 30 วัน”

3. กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ (Target Profile)
คุณไม่สามารถช่วยทุกคนได้ — จงเลือกให้ชัด
ถ้าคุณพูดกับทุกคน = ไม่มีใครรู้ว่าคุณพูดกับเขา
ระบุกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงไปตรงมา เช่น
“สำหรับธุรกิจบริการที่ต้องการลูกค้าใหม่จาก Google”
“สำหรับเจ้าของคลินิก ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย”
4. หลักฐาน (Proof)
อย่าแค่บอกว่า “ได้ผล” — จง แสดง ว่าได้ผล
นำมาปรับใช้บนเว็บไซต์ได้โดยแสดง:
- รีวิวจากลูกค้า (Text / Video)
- ผลลัพธ์เชิงตัวเลข (Before/After)
- Logo ของลูกค้าที่เคยใช้บริการ

5. การคัดค้าน (Objections)
ลูกค้ามีคำถามในใจเสมอ เช่น “มันจะเวิร์กจริงเหรอ?” “แพงไปไหม?”
ในเว็บไซต์จึงควรตอบคำถามที่ลูกค้ากังวลไว้ล่วงหน้า โดยใช้ FAQ หรือเนื้อหาที่อธิบายจุดเสี่ยง
คำถามที่ควรตอบล่วงหน้า:
- “ถ้าไม่มีเนื้อหาเลย จะทำเว็บได้ไหม?”
- “ต้องใช้เวลานานแค่ไหน?”
- “ถ้าไม่พอใจ มีปรับแก้ไหม?”

6. การลดความเสี่ยง (Risk Reversal)
ลูกค้าจะกล้าตัดสินใจมากขึ้น ถ้ารู้ว่ายังมีทางออก
เสนอการรับประกัน เช่น
“ถ้าไม่เห็นผลภายใน 60 วัน คืนเงินเต็มจำนวน”
“มีรอบปรับแก้ฟรี 2 ครั้ง”
7. Call to Action (CTA)
ถ้าคุณไม่บอกให้เขาทำอะไรต่อ → เขาจะไม่ทำ
ตัวปุ่ม CTA ต้องชัดเจน ตรงกับเจตนาของผู้ชม
และใช้ข้อความบนปุ่มที่เน้นผลลัพธ์ เช่น
“ขอรับคำแนะนำฟรี”
“เริ่มเปลี่ยนเว็บให้ขายได้เลย”

ตัวอย่างการวาง Funnel บนเว็บไซต์
(โดยใช้ “กระเป๋า 7 ใบ”)
| Section | เนื้อหา | กระเป๋าใบที่ |
|---|---|---|
| Hero | พาดหัวปัญหา + ผลลัพธ์ที่สัญญา | 1, 2 |
| Sub-section | กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ | 3 |
| Proof Section | รีวิวลูกค้า + เคสจริง | 4 |
| FAQ | ตอบคำถามกังวล | 5 |
| Guarantee | บอกเงื่อนไขปรับแก้/คืนเงิน | 6 |
| CTA | ปุ่ม “ขอคำปรึกษา” พร้อมสิ่งที่ได้ | 7 |
กระเป๋า 7 ใบ = โครงสร้างความไว้ใจ
คนไม่ได้ตัดสินใจซื้อแค่เพราะคุณมีบริการดี
แต่เขาต้อง “สบายใจพอ” จึงจะยอมควักเงิน
“กระเป๋า 7 ใบ” จะช่วยให้คุณออกแบบเว็บไซต์ให้ตอบครบทุกจุดกังวลในหัวลูกค้า
และเมื่อคำถามในใจทุกข้อถูกตอบหมด → โอกาสขายก็เปิดกว้างกว่าเดิม
หากคุณอยากปรับเว็บไซต์ของคุณให้ตรงกับหลักนี้
เราสามารถช่วยวิเคราะห์ให้ได้ฟรีว่าตอนนี้เว็บของคุณกำลัง “ตกกระเป๋าใบไหนไป”
แล้วควรเสริมตรงไหนให้ปิดการขายได้มากขึ้นครับ
แชร์บทความนี้

Written by Jerome Tana
Author at WEBCRAFTSMAN
Jerome Tana is a dedicated member of the WEBCRAFTSMAN team, specializing in web development, digital marketing, and creating exceptional user experiences.











